วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

ต้นยอป่า

ยอป่า


ต้นยอป่า
ชื่อวิทยาศาสตร์ Morinda coreia Ham. จัดอยู่ในวงศ์ RUBIACEAE[1] สมุนไพรย่อป่า ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกว่า คุย (พิษณุโลก), อุ้มลูกดูหนัง (สระบุรี), สลักป่า สลักหลวง (เหนือ), กะมูดู (มลายู), คุ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) เป็นต้น[1],[3] หมายเหตุ : ยอป่าในบทความนี้ เป็นคนละชนิดกับ ต้นยอป่า ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Morinda elliptica Ridl. หรือที่ทั่วไปเรียกว่า ยอเถื่อน
ลักษณะของยอป่า ต้นยอป่า จัดเป็นไม้ยืนต้น มีความสูงของต้นประมาณ 5-10 เมตร และอาจสูงได้ถึง 15 เมตร ลำต้นตั้งตรง เรือนยอดเป็นพุ่มรี กิ่งก้านมักคดงอและหักง่าย ตามผิวกิ่งมีปุ่มปมมาก ส่วนเปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลอมเทา เปลือกหนาแตกเป็นร่องตามยาวและแนวขนาน หรือแตกเป็นสะเก็ดสี่เหลี่ยมเล็กๆ ช่อดอกและใบจะออกหนาแน่นรวมกันอยู่ที่ปลายกิ่ง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด หรือวิธีการปักชำกล้า พบขึ้นได้ตามป่าเต็งรัง และป่าเบญจพรรณทั่วไป[1],[2],[4] ใบยอป่า ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตัวแบบตรงข้ามสลับกับตั้งฉาก ใบมักออกรวมกันที่ปลายกิ่ง ลักษณะของใบเป็นรูปรีหรือรูปไข่กลับ ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบแหลมหรือเบี้ยว ส่วนขอบใบเรียบและเป็นคลื่น ใบมีขนาดกว้างประมาณ 4-7 เซนติเมตร และยาวประมาณ 8-17 เซนติเมตร หลังใบเป็นสีเขียวมัน ส่วนท้องใบมีสีอ่อนกว่า ใบแก่จะบางและเหนียว ผิวใบด้านบนมีขนสากขึ้นประปราย ส่วนด้านล่างมีขนนุ่ม มีหูใบอยู่ระหว่างก้านใบหลุดร่วงง่าย[2] ดอกยอป่า ออกดอกเป็นช่อ โดยจะออกรวมกันเป็นกลุ่มตามซอกใบหรือที่ปลายกิ่ง ดอกมีกลิ่นหอมแบบอ่อนๆ กลีบดอกหนาและเป็นสีขาว กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดๆ ปลายเป็นกลีบแหลม แยกเป็นกลีบ 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม เมื่อดอกบานจะแผ่กว้างออก เมื่อดอกมีขนาดประมาณ 1.5 เซนติเมตร ส่วนหลอดกลีบเลี้ยงด้านบนแบนเป็นสีเขียวอมเหลือง เชื่อมติดกับกลีบดอกข้างเคียงที่ฐาน ดอกมีเกสรเพศผู้สั้น 5 อัน ชูพ้นออกมาจากหลอดกลีบดอก ส่วนเกสรเพศเมียปลายแยกเป็น 2 แฉก โดยจะออกดอกในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม[1],[2] ผลยอป่า ผลเป็นผลรวมรูปร่างค่อนข้างกลม ผลอ่อนเป็นสีเขียว เนื้อในผลอ่อนนุ่ม ฉ่ำน้ำ และเป็นสีขาว ส่วนผลแก่เป็นสีดำ ภายในผลมีเมล็ดมาก เมล็ดเป็นสีน้ำตาล โดยมีเมล็ดแบน 1 เมล็ด ต่อหนึ่งผลย่อย โดยจะออกผลในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม[2] สรรพคุณของยอป่า รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้เบาหวาน (ราก)[1],[2] แก่นมีรสขมร้อน นำมาต้มหรือดองกับเหล้าดื่มเป็นยาบำรุงโลหิต (แก่น)[2] ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ใบ)[2] เปลือกและเนื้อไม้มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้มาลาเรีย (เปลือกและเนื้อไม้)[2] ใบเป็นยาแก้ไข้ (ใบ)[2] ใบนำมาอังไฟ แล้วนำมาปิดที่หน้าอกและหน้าท้อง ช่วยแก้ไอ (ใบ)[1],[2] ช่วยป้องกันสันนิบาตหน้าเพลิง (แก่น)[4] ผลอ่อนมีสรรพคุณแก้คลื่นไส้อาเจียน (ผลอ่อน)[1],[2] ผลสุกมีสรรพคุณช่วยขับลมในลำไส้ (ผลสุก)[1],[2] ใบมีสรรพคุณแก้จุกเสียด (ใบ)[2] ส่วนแก่นมีสรรพคุณขับผายลม แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ (แก่น)[1],[2] ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ใบ)[2] ผลสุก เป็นยาขับระดูของสตรี (ผลสุก)[1],[2] แก่นมีรสขมร้อน ใช้ต้มหรือดองกับเหล้าดื่มเป็นยาขับเลือด ขับและฟอกโลหิตระดู ขับน้ำคาวปลา (แก่น)[1],[2] ช่วยแก้ม้ามโต (ใบ)[1],[2] ช่วยป้องกันบาดทะยักปากมดลูก (แก่น)[1],[2] ใบสดใช้ตำพอกศีรษะเป็นยาฆ่าเหา (ใบ)[1],[2]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของยอป่า ใบและกิ่งยอป่า พบอิริดอยไกลโคไซด์ ได้แก่ yopaaoside A, B, C, 6-O-acetylscandoside, 10-O-acetylmonotropein, asperulosidic acid, deacetyl-asperuloside, asperuloside สารกลุ่มเซโคอิริดอยไกลโคไซด์ ได้แก่ secoxyloganin สารกลุ่มฟีโนลิกไกลโคไซด์ ได้แก่ 3,4,5-trimethoxyphenyl 1-O-
β-apiofuranosyl (1″→6)-β-glucopyranoside สารกลุ่มแอนทราควิโนนไกลโคไซด์ ได้แก่ lucidine 3-O-β primeveroside[2] ประโยชน์ของยอป่า ผลสุกใช้รับประทานได้[2] ใบอ่อนและยอดอ่อน ใช้ลวกหรือต้มให้สุกจิ้มกับน้ำพริกรับประทานได้ โดยจะมีรสขมมัน[2] ในอดีตจะเปลือกต้นและรากของต้นยอป่ามาใช้ย้อมผ้าให้เป็นสีแดง ซึ่งจะต้องมีการตัดต้นและค่อนข้างหาได้ยาก จึงได้มีการนำใบของยอป่ามาใช้ย้อมสีเส้นไหม ด้วยกรรมวิธีย้อมร้อน นานชั่วโมง หลังการย้อมนำเส้นไหมมาแช่ในสารละลายช่วยติดสีสารส้ม จะได้เส้นไหมสีเหลืองอ่อน แต่ถ้าแช่ในจุนสีจะได้เส้นไหมสีเหลืองเขียว ส่วนการไม่ใช้สารช่วยติดสีใดๆ จะได้เส้นไหมสีเหลืองนวล และการใช้สารละลายสารช่วยติดสีสารส้มในขณะย้อม จะได้เส้นไหมสีเหลืองอ่อนเช่นเดียวกัน[2],[3],[5] ต้นยอป่าเป็นไม้มงคลของชาวอีสาน เพราะในการนำข้าวขึ้นยุ้งจะตัดกิ่งยอป่ามาค้ำยุ้งไว้ก่อนจะนำข้าวขึ้นยุ้ง ทั้งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งมีความหมายว่าให้ข้าวเพิ่มพูน[2] คนไทยโบราณจะนิยมปลูกต้นยอไว้ในบริเวณบ้าน โดยจะปลูกไว้ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อว่าจะช่วยป้องกันจัญไรได้ อีกทั้งคำว่า ยอก็เป็นมงคลนาม ถือเป็นเคล็ดว่าจะได้รับการสรรเสริญเยินยอหรือได้รับการยกยอปอปั้นในสิ่งดีงาม[4] เนื้อไม้สามารถนำมาใช้ทำเป็นเครื่องเรือนหรือเครื่องใช้ต่างๆ ได้[4] ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับตามบ้าน หรือปลูกเพื่อให้ร่มเงาในสวนทั่วก็ได้ เป็นไม้หอมที่ดีอีกชนิดหนึ่ง และดอกมีกลิ่นหอมอ่อน[3]


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น