ต้นตะแบกป่า
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lagerstroemia floribunda Jack ex Blume
ชื่อวงศ์ : LYTHRACEAE
ชื่อท้องถิ่น : กระแบก ตราแบกปรี้ ตะแบกไข่ บางอตะมะกอ บางอยามู เปื๋อยด้อง เปื๋อยนา เปื๋อยหางด่าง ตะแบกแดงแบก บางอยามูละเบะ ตะแบกน้ำ
ตะแบกนา
(ตะแบกไข่, เปื๋อยนา, เปื๋อยหางค่าง) เป็นต้นไม้ผลัดใบ สูง 15 - 30 เมตร ใบเดี่ยว
ออกตรงข้ามหรือเยื้องกันเล็กน้อยใบอ่อนสีแดงมีขนสั้นอ่อนนุ่มปกคลุม
ใบแก่ขนจะหลุดหายไป แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปหอก กว้าง 5 - 7 เซนติเมตร ยาว 12 - 20
เซนติเมตร ปลายใบเป็นติ่งแหลม โคนสอบ
ดอกสีม่วงอมชมพูต่อมาเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือเกือบขาว ออกรวมกันเป็นช่อตามปลายกิ่ง ผล
รูปรี ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ออกดอก กรกฎาคม - กันยายน
ไม่แน่นอนแล้วแต่สภาพพื้นที่และสิ่งแวดล้อม เก็บเมล็ดได้ประมาณเดือน ธันวาคมขึ้นไป
ผลแก่ จะแตกเพื่อโปรยเมล็ดในราวเดือน มีนาคม การขยายพันธุ์โดยเมล็ด
ประโยชน์ของต้นตะแบกป่า เนื้อไม้ละเอียดแข็ง ใจกลางมักเป็นโพรง
ใช้ทำสิ่งปลูกสร้างที่รับน้ำหนัก เสา กระดานพื้น และเครื่องมือการเกษตร
และนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
สรรพคุณ : ราก
แก้ปวดกล้ามเนื้อเมื่อมีไข้ เปลือก แก้บิด
แก้บิดมูกเลือด หรือลงแดง แก้ไข้อติสาร แก้ท้องร่วง แก้ถูกยาพิษ เนื้อไม้ ขับโลหิตระดูสตรี
แก้ระดูพิการที่เป็นลิ่ม
เป็นก้อนสีดำมีกลิ่นเหม็นซึ่งทำให้เจ็บปวดในท้องน้อยหลังบั้นเอว แก้โลหิตจาง
บำรุงโลหิต แก้ผอมแห้ง ขับระดูขาว ใบ
แก้ไข้ ขนดอก บำรุงตับ บำรุงปอด
บำรุงหัวใจ แก้ลมกองละเอียด
ลักษณะ :
เป็นไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูง 15 -
30 ม. ลำต้นเปลาตรง เปลือกนอก สีเทาหรือเทาอมขาว เป็นมัน เปลือกใน
สีชมพู มีสีม่วงใต้เปลือกใน เรือนยอด เป็นพุ่มกลม ใบเดี่ยว
ติดตรงข้ามหรือเยื้องกันมากน้อยไม่แน่นอน ทรงใบรูปขอบขนานและรูปหอก กว้าง 5 - 7 ซม. ยาว 12 - 20 ซม.
เนื้อใบหนา ใบอ่อน ออกสีแดง และมีขนสั้นๆอ่อนนุ่มปกคลุม
ใบแก่สีเขียวเข้มจะเกลี้ยงหรือเหลือขนเพียงประปราย
ดอกออกรวมกันเป็นช่อกระจายแยกแขนง ตามปลายกิ่ง ช่อมักกว้างและยาวไม่น้อยกว่า 30 ซม. ดอกบานเต็มที่กว้าง 3 - 3.5 ซม. กลีบดอก 5 กลีบเป็นแผ่นกลมและมีก้านสั้น ๆ ทำให้ดูช่ออัดแน่นมาก
กลีบดอกสีม่วงปนชมพูหรือสีกุหลาบ กลีบดอกแก่จะสีขาว ผลแห้ง รูปรี ๆ ยาวไม่เกิน 2 ซม. มีขนคลุมประปราย ผลอ่อน สีเขียว ผลแก่ สีน้ำตาลดำ
ส่วนที่นำมาใช้ : ราก เปลือก เนื้อไม้ ใบ และขนดอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น